อันเชเผยยังคงฝังใจ เหตุการณ์พ่ายหงส์ที่อิสตันบลู

อันเชเผยยังคงฝังใจ คาร์โล อันเชล็อตติยังคงฝังใจชัยชนะของสโมสรลิเวอร์พูล เหนืออดีตสโมสรของเขาอย่างเอซิ มิลาน รายการแชมป์เปี้ยนลีกนัดชิงชนะเลิศที่อิสตันบลูเมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา ในฐานะที่ลอส บรองโกส์เพิ่งเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายUCLเหนือสโมสรปารีส แซง แชร์งแมง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามอดีตผู้จัดการทีมเอซีมิลานมีโอกาสหวนพบกับสโมสรลิเวอร์พูลของเยอร์เก้น คล็อปป์อีกครั้ง

ผู้จัดการสโมสรเรอัล มาดริดเชื่อว่าชัยชนะคัมแบ็คเหนือสโมสรปารีส แซง แชร์งแมง 3-1 หลังลอส บรองโกส์ได้คาริม เบนเซม่าเหมาคนเดียว 3 ประตูเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป อันเชื่อว่าชัยชนะเกมคืนวันพุธส่งผลให้พวกเขาหวนคิดถึงค่ำคืนนัดชิงชนะเลิศแชมป์เปี้ยนลีกที่อิสตันบลูกับลิเวอร์พูล

เกมนัดชิงเลิศเมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา เมื่อสโมสรลิเวอร์พูลไล่ตามตีเสมอเอซี มิลานที่นำไปก่อน 3-0 ก่อนหมดเวลา 45 นาทีแรก 45 นาทีหลังสโมสรลิเวอร์พูลสามารถคัมแบ็คกลับมายิงคืนได้ 3 ลูกรวด ต่อเวลาพิเศษทำอะไรกันไม่ได้ กลับกลายเป็นว่ายอดทีมเมอร์ซีย์ไซด์ตัวแทนจากอังกฤษแม่นโทษกว่าคว้าแชมป์บิ๊กเอียร์ราวกับปาฏิหาริย์เทพนิยายที่สุดตลอดกาลกันเลยทีเดียว ขณะนั้นอันเชล็อตติคือผู้จัดการทีมมิลานที่ต้องทนรับกับความผิดหวัง บอสทรีไลอ้อน

หลังเหตุการณ์เทพนิยายแห่งอิสตันบูล เมื่อผู้สื่อข่าวถามผู้จัดการทีมชาวอิตาเลี่ยนว่า มีความเป็นได้มากน้อยแค่ไหนที่พวกเขาจะสามารถโกยแต้มเดินหน้าคว้าแชมป์จนจบฤดูกาล “ตอนนี้พวกคุณณนำหน้าอันดับ 2 อยู่ 10 แต้มโดยเหลืออยู่ 10 เกม คุณคิดว่าพวกคุณจะแพ้บางหรือไม่” ผู้สื่อข่าว ลาลีกาทีวีถามอันเช “นายจะสามารถเอาชนะนัดชิงชนะเลิศแชมป์เปี้ยนลีกได้อย่างไรขณะที่พวกเรานำอยู่ถึง 3-0” อันเชฯยกตัวอย่างนักข่าวให้เห็นภาพด้วยเหตุการณ์ที่อิสตันบลูเป็นการแสดงความหมายให้เห็นว่า พวกเขานำห่างถึง 10 แต้ม พวกเขาจะพลาดแชมป์ลีกได้อย่างไร ไฮไลท์ฟุตบอลต่างประเทศ

ขณะที่ลูกทีมอันเชล็อตติเพิ่งเอาชนะเกมมายอร์กาเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ของลอสบรองโกส์ สำหรับตำแหน่งแชมป์ลีกค่อนข้างสดใสขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้เขาจะถูกนักข่าวตั้งถามก็ตาม เนื่องจากเขามีอดีตและประวัติไม่ค่อยดี โดยเฉพาะค่ำคืนที่ตุรกีเมื่อ 17 ปีที่แล้ว เมื่อพวกเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับลูกทีมของราฟาเอล เบนิเตซผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ณ ขณะนั้น

ลิเวอร์พูลกลับมาครึ่งหลัง ยิงสามประตูลวดใน 6 นาที กระทั่งดวลจุดโทษกลายเป็นเจอร์ซี่ ดูเด็คผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลสวมบทฮีโร่โชว์พลังเซฟสุดยอดเยี่ยม ส่งผลให้เดอะ เร้ดส์ คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 ในที่สุด ขณะที่เรอัลมาดริดเตรียมทำศึกเอลกลาสสิโกกับบาร์เซโลน่าวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้